อิหร่านโจมตีอิสราเอล ปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาให้ล้มเหลวอยู่แล้ว-
เมื่ออิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธรวมกว่า 300 หน่วยในคืนวันที่ 13 เม.ย. หลายคนอาจเกิดความคิดว่า หายนะของโลกขยับเข้าใกล้มาทุกที และนี่อาจเป็นการจุดชนวนสงครามตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้างมากกว่าเดิม เพราะเป็นครั้งแรกที่รัฐอิสลามที่เป็นรัฐอธิปไตยโจมตีอิสราเอลโดยตรง
แต่เมื่อการปะทะเกิดขึ้นจริง สิ่งที่ปรากฏกลับเข้าข่ายสถานการณ์ตามสำนวนจีนที่ว่า “ฟ้าร้องดัง ฝนตกน้อย” หรือการกระทำที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่ โด่งดัง แต่พอเกิดขึ้นจริงกลับเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่รุนแรง
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอิสราเอลรายงานว่า ตนและพันธมิตรอย่างสหรัฐน สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส สามารถสกัดกั้นการโจมตีเหล่านั้นไว้ได้ถึง 99% ด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศที่เยี่ยมยอด รวมถึงโดมเหล็ก (Iron Dome) อันเลื่องชื่อ มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ถูกโจมตี เช่น ฐานทัพทหารและพื้นที่ในทะเลทรายเนเกฟ
นั่นทำให้เกิดการวิเคราะห์กันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ของอิสราเอล อาจถูกออกแบบมาเพื่อความตื่นตกใจเท่านั้น ไม่ได้หวังสร้างความเสียหายให้กับอิสราเอลจริง ๆ เพราะหากอิหร่านต้องการฝ่าตาข่ายป้องกันของอิสราเอลไปให้ได้ การส่งโดรนและขีปนาวุธมาแค่ 300 หน่วยถือว่าน้อยเกินไปมากคำพูดจาก เว็บสล็อตแมชชีนแท้
ไม่เพียงเท่านั้น โดรนและขีปนาวุธถูกยิงออกมาจากดินแดนอิหร่านโดยตรง ซึ่งต้องบินผ่านจอร์แดนและอิรักที่มีฐานทัพสหรัฐฯ ตั้งอยู่ทั้งคู่ ทำให้ช่วยยิงอาวุธอิหร่านตกก่อนถึงอิสราเอลได้เป็ยจำนวนมาก รวมถึงระยะเวลาที่ใช้กว่าจะเดินทางจากอิหร่านถึงเป้าหมายก็เพียงพอให้อิสราเอลเตรียมการได้อย่างเหลือเฟือ
พูดโดยรวมก็คือ การโจมตีโดยตรงจากดินแดนอิหร่านมายังอิสราเอลบั่นทอนความสามารถของอิหร่านในการสร้างความเสียหายลงไปอย่างมหาศาล และทำให้การปฏิบัติการนาน 5 ชั่วโมงของอิหร่านในครั้งนี้กลายเป็นเพียงโชว์ดอกไม้ไฟเท่านั้นคำพูดจาก Slots777
ดังนั้น การโจมตีดังกล่าวจึงคาดว่าเป็นเพียง “การตอบโต้เชิงสัญลักษณ์” ต่อการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่ถล่มสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรียเมื่อต้นเดือนเมษายนจนทำให้ผู้บัญชาการระดับสูงเสียชีวิต 2 นาย
ผู้นำของอิหร่านอาจรู้สึกว่า จำเป็นต้องโจมตีอิสราเอลเพื่อตอกย้ำจุดยืนของตนในฐานะมหาอำนาจระดับภูมิภาค และเพื่อขจัดความคิดที่ว่าอิหร่านเป็นเสือกระดาษที่ดีแต่ขู่ และเลือกแสดงจุดยืนนั้นด้วยการเปิดปฏิบัติการจากดินแดนของตนเอง โดยไม่ใช้ตัวแทนของตนในซีเรีย เลบานอน เยเมน หรืออิรัก
แต่อิหร่านก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการจุดชนวนสงครามเต็มรูปแบบ เพราะเดิมทีเศรษฐกิจของประเทศนี้ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการคว่ำบาตรในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่แล้ว และช่วงหลังนี้ยังเกิดความไม่พอใจบนท้องถนนมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับนโยบายปราบปรามของรัฐบาล
นอกจากนี้ หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ในระดับที่ค่อนข้างสูงชี้ให้เห็นว่า อิหร่านอาจตั้งใจที่จะขัดขวางแผนโจมตีของตัวเอง เนื่องจากรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮอสเซน อามีร์ อับดุลลาเชียน กล่าวว่า เขาแจ้งให้ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ทราบล่วงหน้า 72 ชั่วโมง เพื่อยับยั้งการโจมตีของพวกเขาเอง
รูปแบบการโจมตีนี้ชวนให้นึกถึงการตอบสนองของอิหร่านต่ออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมื่อปี 2020 สังหารนายพลคาเซม โซไลมานี อดีตนายพลคนสำคัญของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC)
ครั้งนั้นอิหร่านเอาคืน ด้วยการส่งคำเตือนแก่กองทหารสหรัฐฯ ล่วงหน้า 10 ชั่วโมงก่อนที่จะยิงขีปนาวุธขนาดใหญ่ใส่ที่มั่นทางทหารของสหรัฐฯ ในอิรัก รวมถึงฐานทัพอากาศอัล-อาซาด การโจมตีดังกล่าวสร้างความหายนะ ทิ้งหลุมอุกกาบาตไว้บนพื้น แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ส่งผลให้สหรัฐฯ เลือกจะไม่ตอบโต้และหลีกเลี่ยงการก่อสงครามขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลางไปได้
เช่นนี้แล้ว เมื่อแผนการในครั้งนี้ของอิหร่านไม่ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงหรือทำให้มีผู้เสียชีวิต จึงมีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านอาจจะไม่ถูกตอบโต้อย่างหนักหน่วง อย่างน้อย ๆ สหรัฐฯ ระบุต่อสาธารณะแล้วว่า จะไม่ช่วยอิสราเอลเอาคืนอิหร่าน ทำให้พวกเขาอาจโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ให้คำมั่นแล้วว่า จะตอบโต้อิหร่านอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ได้กำหนดวิธีการและกรอบเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่อิหร่านต้องมานั่งลุ้นว่า อิสราเอลจะทำอย่างไรกันแน่
เรียบเรียงจาก CNN